มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำค
ร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเม ื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันป ระกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไ ป
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิว เตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วย กัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์ห รือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผล ข้อมูลโดยอัตโนมัติ
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระ บบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพ ิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล ็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรก รรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสา รของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อส ารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น
“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
(๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเ ข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยปร ะการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามข องตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบ ุคคลอื่น
(๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอม พิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอ ื่น
“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ ก็ตาม
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบ ัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบั ญญัตินี้
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโ ลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาก ารตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัต ินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษ าแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอ มพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันกา รเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือ น หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเ ข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่ นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาต รการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหา ยแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งป ี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกัน การเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั ้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีห รือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือท ั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพ ื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเต อร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการ ส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้ม ีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพ ื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได ้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือ บางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่ นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเ ตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปก ติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห ้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจ ดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่ นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่ม าของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิ วเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแส นบาท
มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาช น ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้ นในทันทีหรือในภายหลัง และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรื อไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเ กิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเ ตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกั บการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของป ระเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเ ทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิ วเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มี ไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถ ึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสาม แสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตา ย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถ ึงยี่สิบปี
มาตรา ๑๓ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั ่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไ ปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำคว ามผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งป ี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดัง ต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้ อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งห มดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท ็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียห ายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้ อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียห ายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่ อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชา ชน
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้ อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่ นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเ กี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวล กฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้ อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอม พิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข ้าถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอม พิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข ้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)
มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนห รือยินยอมให้มีการกระทำความผิดต ามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความ ควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระ ทำความผิดตามมาตรา ๑๔
มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ท ี่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็ นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการ สร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็ กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นน ั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิด อันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคห นึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญ ัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
(๑) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดไ ด้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้อ งขอให้ลงโทษ หรือ
(๒) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด ้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เส ียหายและผู้เสียหายได้ร้องขอให้ ลงโทษ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร
หมวด ๒
พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบ สวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อไ ด้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระรา ชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย ่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในก ารใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกร ะทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความ ผิด
(๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลท ี่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแ บบที่สามารถเข้าใจได้
(๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติด ต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ห รือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมู ลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเ ก็บตามมาตรา ๒๖ หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือค วบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนัก งานเจ้าหน้าที่
(๔) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอัน ควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิ ดตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยั งมิได้อยู่ในความครอบครองของพนั กงานเจ้าหน้าที่
(๕) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือคว บคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอม พิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักง านเจ้าหน้าที่
(๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเต อร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออ ุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเต อร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหล ักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำคว ามผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อ มูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอ มพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นให้ด ้วยก็ได้
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องก ับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิ วเตอร์ ทำการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่ าว
(๘) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่ าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ใน การทราบรายละเอียดแห่งความผิดแล ะผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญั ตินี้
มาตรา ๑๙ การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าท ี่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้อ งต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อมีคำส ั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ดำเนินการตามคำร้อง ทั้งนี้ คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อไ ด้ว่าบุคคลใดกระทำหรือกำลังจะกร ะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็น ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใ ช้ในการกระทำความผิดและผู้กระทำ ความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วยในการพิจารณาคำ ร้องให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่า วโดยเร็วเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาต แล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาบ ันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทำให้ต้ องใช้อำนาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระ บบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐา น แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบค รองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเ นาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือ
ผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่ก ระทำได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู ้เป็นหัวหน้าในการดำเนินการตามม าตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ(๘) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเ นินการและเหตุผลแห่งการดำเนินกา รให้ศาลที่มีเขตอำนาจภายในสี่สิ บแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำเน ินการ เพื่อเป็นหลักฐานการทำสำเนาข้อม ูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอัน ควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิ ดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเน ินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบค รองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินคว ามจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือ แสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าข องหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอ ร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรื ออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเป็นที่ต้องยึดหรืออายั ดไว้นานกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำน าจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดไ ด้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้ง เดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีก ไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรือ อายัดหรือครบกำหนดเวลาดังกล่าวแ ล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระ บบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอ ายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามว รรคห้าให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎ กระทรวง
มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระ ราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่ห ลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่น คงแห่งราชอาณาจักร ตามที่กำหนดไว้ในภาคสองลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/ ๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบ ร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับควา มเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้ อง พร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่ม ีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการ ทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเ ตอร์นั้นได้ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับกา รทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิว เตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการระงั บการทำให้แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับกา รทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิว เตอร์นั้นก็ได้
มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว ่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่ง ไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคำร้อ งต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้ มีคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบค รองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับก ารใช้ ทำลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร ์นั้นได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไม่พึงประส งค์ดังกล่าวก็ได้ชุดคำสั่งไม่พึ งประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุด คำสั่งที่มีผลทำให้ข้อมูลคอมพิว เตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั ่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเต ิมขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำสั่งท ี่กำหนดไว้ หรือโดยประการอื่นตามที่กำหนดใน กฎกระทรวงทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคำสั่งที่มุ่งหมา ยในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสั่ งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจา นุเบกษา
มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิ ดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร ์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิ ให้ใช้บังคับกับการกระทำเพื่อปร ะโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระท ำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคด ีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกั บการใช้อำนาจหน้าที่
โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือท ี่ได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้ าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้ องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโด ยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงร ู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจร ทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งป ี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข ้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามม าตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่ งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ท ี่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพร ะราชบัญญัตินี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐา นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายว ิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื ่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้ นจากการจูงใจมีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น
มาตรา ๒๖ ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมู ลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อย กว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อม ูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้า ที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเ ก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเต อร์ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษ เฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อ มูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็ นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บร ิการ นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้อ งเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว ่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บร ิการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บ ริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศใ นราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม มาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบ าท
มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งต ามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลต ามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบ าทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินว ันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให ้ถูกต้อง
มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ต ามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีควา มรู้และความชำนาญเกี่ยวกับระบบค อมพิวเตอร์ และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำ หนด
มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบั ญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักง านฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ให ญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคว ามอาญามีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรื อรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพ าะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทำสำนวนสอบสวนและดำเนินคดีผู ้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติน ี้ บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่า ยปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหม ายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงาน กับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพ ื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อ ไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับด ูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีมีอำนาจ ร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับแน วทางและวิธีปฏิบัติในการดำเนินก ารตามวรรคสอง
มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตร ประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้า ที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีป ระกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญ ัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเ ตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญ ของการประกอบกิจการ และการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำง านตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากค ำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่น ในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อ ันเป็นเท็จ หรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอัน ดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันแ ละปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติน ี้
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเม
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิว
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระ
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสา
“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
(๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเ
(๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอม
“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบ
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบั
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโ
หมวด ๑
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอ
มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเ
มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูล
มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ
มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือ
มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ
มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจ
มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาช
(๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเ
ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตา
มาตรา ๑๓ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั
มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดัง
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอม
มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนห
มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ท
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์
มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญ
(๑) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดไ
(๒) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร
หมวด ๒
พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบ
(๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลท
(๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
(๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมู
(๔) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอัน
(๕) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือคว
(๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเต
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์
(๘) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่
มาตรา ๑๙ การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าท
(๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้อ
ผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่ก
มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระ
มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว
มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิ
โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือท
มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโด
มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข
มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ท
มาตรา ๒๖ ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมู
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล
มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ต
มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบั
มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตร
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญ